อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 8 (5) และมาตรา 110 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา 29 ประกอบกับมาตรา 31 มาตรา 33 มาตรา 43 และมาตรา 64 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ก.พ. โดยอนุมัติคณะรัฐมนตรีจึงออกกฎ ก.พ. ไว้ ดังต่อไปนี้
1) กฎ ก.พ. นี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
เมื่อมีกรณีที่ทางราชการเลิกหรือยุบหน่วยงานหรือตำแหน่งใดที่ข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใดปฏิบัติหน้าที่หรือดำรงตำแหน่งอยู่ ให้ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอำนาจสั่งบรรจุตามมาตรา 57 แจ้งให้ข้าราชการผู้นั้นทราบและให้แสดงความประสงค์ว่าต้องการจะรับราชการต่อไปหรือไม่
ในกรณีที่ข้าราชการผู้นั้นไม่ประสงค์จะรับราชการต่อไป ให้ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอำนาจสั่งบรรจุตามมาตรา 57 สั่งให้ข้าราชการผู้นั้นออกจากราชการเพื่อรับบำเหน็จบำนาญเหตุทดแทนตามกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการเพราะเหตุที่มีการเลิกหรือยุบหน่วยงานหรือตำแหน่งนั้นนับแต่วันที่หน่วยงานหรือตำแหน่งนั้นเลิกหรือถูกยุบ และให้ข้าราชการผู้นั้นได้รับเงินชดเชยตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กระทรวงการคลังกำหนดตามมาตรา 110 (4)
ในกรณีที่ข้าราชการผู้นั้นประสงค์จะรับราชการต่อไป ให้ข้าราชการผู้นั้นแสดงความจำนงด้วยว่าได้แสดงความประสงค์จะขอย้ายหรือโอนไปรับราชการในตำแหน่งใดหรือที่หน่วยงานใดหรือส่วนราชการใด
ในกรณีที่ข้าราชการผู้ใดอยู่ในระหว่างการรับราชการชดใช้ทุน ข้าราชการผู้นั้นไม่ต้องแสดงความประสงค์ตามวรรคหนึ่ง และให้ย้ายหรือโอนข้าราชการผู้นั้นไปรับราชการต่อไป ในกรณีที่มีเหตุผลความจำเป็นพิเศษที่ไม่อาจดำเนินการดังกล่าวได้ การดำเนินการต่อไปในเรื่องนั้นจะสมควรดำเนินการประการใดให้เป็นไปตามที่ ก.พ. กำหนด
ในกรณีที่ข้าราชการตามข้อ 2 แสดงความจำนงขอย้ายหรือโอน ให้ดำเนินการดังนี้
ในกรณีที่ขอย้ายให้ผู้บังคับบัญชาระดับต้น หรือในกรณีที่ขอโอนให้ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอำนาจสั่งบรรจุตามมาตรา 57 เป็นผู้ให้ข้อมูลและความเห็นเกี่ยวกับผลการปฏิบัติงานที่ผ่านมาและคุณลักษณะส่วนบุคคลของข้าราชการตามข้อ 2 เพื่อประกอบการพิจารณาของผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอำนาจสั่งบรรจุตามมาตรา 57 ในตำแหน่งที่ขอย้าย หรือเพื่อประกอบการพิจารณาของผู้มีอำนาจสั่งบรรจุในตำแหน่งที่ขอโอน แล้วแต่กรณี
ในกรณีที่จะต้องดำเนินการย้ายหรือโอนข้าราชการตามข้อ 2 ให้ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอำนาจสั่งบรรจุตามมาตรา 57 หรือผู้มีอำนาจสั่งบรรจุในตำแหน่งที่ขอโอน แล้วแต่กรณี ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในสามสิบวันนับแต่วันที่หน่วยงานหรือตำแหน่งนั้นเลิกหรือถูกยุบ เว้นแต่จะมีกฎหมายกำหนดเวลาไว้เป็นอย่างอื่น โดยให้การย้ายหรือโอนมีผลตั้งแต่วันที่หน่วยงานหรือตำแหน่งนั้นเลิกหรือถูกยุบ แต่ถ้าไม่ต้องดำเนินการย้ายหรือโอนข้าราชการผู้นั้น ให้ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอำนาจสั่งบรรจุตามมาตรา 57 ในตำแหน่งที่ข้าราชการผู้นั้นดำรงอยู่ก่อนวันที่หน่วยงานหรือตำแหน่งนั้นเลิกหรือถูกยุบ มีคำสั่งให้ข้าราชการผู้นั้นออกจากราชการตามข้อ 2 วรรคสอง
ในกรณีที่ไม่อาจดำเนินการตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎ ก.พ. นี้ การดำเนินการต่อไปในเรื่องนั้นจะสมควรดำเนินการประการใดให้เป็นไปตามที่ ก.พ. กำหนด
ให้ไว้ ณ วันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2553
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
นายกรัฐมนตรี
ประธาน ก.พ.
เหตุผลในการประกาศใช้กฎ ก.พ. ฉบับนี้ คือ โดยที่มาตรา 110 (4) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 บัญญัติให้ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอำนาจสั่งบรรจุตามมาตรา 57 มีอำนาจสั่งให้ข้าราชการพลเรือนสามัญออกจากราชการเพื่อรับบำเหน็จบำนาญเหตุทดแทนตามกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กรณีเมื่อทางราชการเลิกหรือยุบหน่วยงานหรือตำแหน่งที่ข้าราชการพลเรือนสามัญปฏิบัติหน้าที่หรือดำรงอยู่ และวรรคสองบัญญัติให้การสั่งให้ออกจากราชการในกรณีดังกล่าวให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎ ก.พ. จึงจำเป็นต้องออกกฎ ก.พ. นี้