โดยที่เป็นการสมควรกำหนดระเบียบว่าด้วยการประชุมคณะกรรมการ ก.พ.ค. คณะกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์ และคณะกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 31 (5) และมาตรา 33 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ก.พ.ค. จึงออกระเบียบไว้ดังต่อไปนี้
ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบ ก.พ.ค. ว่าด้วยการประชุมคณะกรรมการ ก.พ.ค. คณะกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์ และคณะกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ พ.ศ. 2551”
ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ให้ประธาน ก.พ.ค. รักษาการตามระเบียบนี้ และให้มีอำนาจออกประกาศหรือคำสั่งเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามระเบียบนี้
ในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการปฏิบัติตามระเบียบนี้ ประธาน ก.พ.ค. อาจหารือที่ประชุม ก.พ.ค. เพื่อประกอบการพิจารณาวินิจฉัยก็ได้
ให้ประธาน ก.พ.ค. มีอำนาจและหน้าที่ดังต่อไปนี้
ให้เลขานุการ ก.พ.ค. มีหน้าที่ดังต่อไปนี้
การนัดประชุมต้องทำเป็นหนังสือและแจ้งให้กรรมการ ก.พ.ค. ทุกคนทราบล่วงหน้าก่อนวันประชุมไม่น้อยกว่าสามวัน
ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นหรือเร่งด่วน ประธาน ก.พ.ค. จะนัดประชุมโดยวิธีการอย่างอื่นก็ได้
ในกรณีท่ี่มีเหตุอันสมควร ประธาน ก.พ.ค. อาจสั่งงดหรือเลื่อนการประชุมตามที่นัดไว้แล้วก็ได้
ระเบียบวาระการประชุมโดยปกติให้จัดลำดับ ดังนี้
ถ้ากรรมการร่วมกันไม่น้อยกว่าสามคนเห็นว่าเรื่องใดควรนำเข้าสู่การประชุม ให้ประธาน ก.พ.ค. จัดเข้าสู่วาระการประชุมภายในหนึ่งเดือน
ให้เลขานุการ ก.พ.ค. ส่งระเบียบวาระการประชุมและเอกสารที่เกี่ยวข้องไปพร้อมกับหนังสือนัดประชุม เว้นแต่กรณีที่มีเหตุจำเป็น อาจส่งเอกสาร ที่เกี่ยวข้องไปในภายหลังได้ แต่ต้องส่งล่วงหน้าก่อนวันประชุมไม่น้อยกว่าหนึ่งวัน ยกเว้นเป็นเรื่องเร่งด่วนหรือลับ จะส่งเอกสารที่ีเกี่ยวข้องให้ใน ที่ประชุมก็ได้
ให้กรรมการ ก.พ.ค. และเลขานุการ ก.พ.ค. ลงลายมือช่อในบัญชีรายชื่อผู้มาประชุมที่ีจัดเตรียมไว้ทุกครั้งที่มาประชุม
กรรมการ ก.พ.ค. ผู้ใดไม่อาจมาประชุมตามที่กำหนดได้ ให้แจ้งต่อประธาน ก.พ.ค. หรือเลขานุการ ก.พ.ค. ในโอกาสแรกที่สามารถทำได้
ในการประชุม ผู้ที่เข้าร่วมประชุมได้ นอกจากเลขานุการแล้วให้เป็นไปตามคำสั่งของประธาน ก.พ.ค. สำหรับบุคคลอื่นจะเข้ามาในห้องประชุมได้ เมื่อได้รับอนุญาตจากประธานในที่ประชุม
ในระหว่างการประชุมห้ามมิให้ผู้ใดใช้เครื่องบันทึกเสียง เครื่องบันทึกภาพ หรือเครื่องมือสื่อสารใด ๆ เว้นแต่เพื่อประโยชน์ในการจัดทำรายงาน การประชุม หรือได้รับอนุญาตจากประธานในที่ประชุม
ในกรณีที่มีการบันทึกเสียงหรือบันทึกภาพเพื่อประโยชน์ในการจัดทำรายงานการประชุม ให้เก็บรักษาแถบบันทึกเสียงหรือแถบบันทึกภาพไว้จนกว่าที่ประชุมจะได้พิจารณารับรองรายงานการประชุมครั้งนั้นแล้ว หรือจนกว่ากรรมการที่ได้ร่วมประชุมแต่มิได้ร่วมพิจารณารับรองรายงานการประชุมได้กลับมาร่วมประชุมและมิได้ทักท้วง จึงจะทำลายหรือลบสิ่งที่บันทึกไว้ในแถบบันทึกเสียงหรือแถบบันทึกภาพดังกล่าว
การประชุมต้องมีกรรมการ ก.พ.ค. มาประชุมรวมกันไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการ ก.พ.ค. ทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ จึงจะเป็นองค์ประชุม
ในกรณีที่ประธาน ก.พ.ค. ไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ในการประชุมครั้งใดได้ ให้กรรมการ ก.พ.ค. ที่มาประชุมดำเนินการเลือกกรรมการ ก.พ.ค. คนใดคนหนึ่งที่มาประชุม ให้ทำหน้าท่ี่ประธานในที่ประชุมในการประชุมครั้งนั้น และให้ผู้ซึ่งทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมมีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับประธาน ก.พ.ค.
กรรมการ ก.พ.ค. ผู้ใดมีส่วนได้เสียในเรื่องที่พิจารณา ห้ามมิให้กรรมการ ก.พ.ค. ผู้นั้นเข้าร่วมประชุมและลงมติในเรื่องนั้น แต่ถ้าได้เข้าร่วมประชุมอยู่ก่อนแล้ว ให้นับกรรมการ ก.พ.ค. ผู้นั้นเป็นองค์ประชุมในการพิจารณาเรื่องนั้นด้วย
การลงมติของที่ประชุมโดยปกติให้ถือเสียงข้างมากของจำนวนกรรมการทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ เว้นแต่กรณีที่มีกฎ หรือระเบียบ ก.พ.ค. กำหนดไว้เป็นอย่างอื่น
กรรมการ ก.พ.ค. คนหนึ่งให้มีหนึ่งเสียงในการลงคะแนน และห้ามมิให้งดออกเสียง ถ้าคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสีึยงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด และในกรณีที่มีผู้มีความเห็นแย้งให้ทำความเห็นแย้งไว้ก็ได้
การออกเสียงลงมติให้กระทำโดยเปิดเผย เว้นแต่ที่ประชุมโดยเสียงข้างมากมีมติให้กระทำโดยวิธีการลงคะแนนลับ ส่วนวิธีการลงคะแนนลับให้เป็นไปตามที่ประธานในที่ีประชุมกำหนด
ในการพิจารณาลงมติจะพิจารณารวมหรือแยกประเด็นในการพิจารณาให้เป็นไปตามมติของที่ประชุม
ให้เลขานุการในที่ประชุม จัดทำรายงานการประชุม โดยบันทึกประเด็นท่ี่ประชุมพิจารณาพร้อมด้วยความเห็นทั้งของเสียงข้างมากและความเห็นของเสียงข้างน้อย และมติของที่ประชุม
ระเบียบวาระการประชุม เอกสารที่ีเกี่ยวข้อง และรายงานการประชุม ให้เก็บรักษาไว้เป็นเอกสารลับในที่ปลอดภัยไม่น้อยกว่าสิบปี
การทำลายเอกสารให้เป็นไปตามระเบียบว่าด้วยการนั้น
รายงานการประชุม ให้ประธาน ก.พ.ค. และเลขานุการ ก.พ.ค. ลงลายมือชื่อในรายงานการประชุมทุกครั้ง แต่ถ้ามิได้มีการลงลายมือชื่อไม่ว่าด้วยเหตุใด ๆ ให้เลขานุการ ก.พ.ค. บันทึกเหตุนั้นไว้
การประชุมคณกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์ และคณะกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ ให้นำหมวด 1 การประชุมคณะกรรมการ ก.พ.ค. มาใช้บังคับโดยอนุโลม
การประชุมที่ได้ดำเนินการไปก่อนที่ระเบียบนี้จะใช้บังคับ ให้มีผลเป็นการประชุมตามนัยระเบียบนี้
ประกาศ ณ วันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551
นายศราวุธ เมนะเศวต
ประธานกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม